การประกันชีวิตนอกจากในเรื่องของการสร้างความมั่นใจในการดำเนินชีวิต และบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายอันเกิดจากเหตุการณ์ไม่คาดฝันแล้วยังมีผลประโยชน์ในทางภาษี ที่สามารถนำเบี้ยประกันชีวิตมาลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้สูงสุดถึง 340,000 บาท
ประเภทของประกันที่ลดหย่อนภาษีได้ มี 3 ประเภท
- ประกันชีวิตทั่วไป เป็นประกันที่ให้ความคุ้มครองชีวิตแก่ผู้เอาประกัน โดยหากเอาำประกันเสียชีวิต บริษัทประกันก็จะจ่ายเงินตามทุนประกัน ให้แก่ผู้รับประโยชน์ตามกรมธรรม์ ซึ่งอาจจะมีเงินคืนตามสัญญา หรือครบสัญญาด้วยก็ได้ ซึ่งได้แก่
- ประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลา (Term)
- ประกันชีวิตแบบตลอดชีพ (Whole Life)
- ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ (Endowment)
- ประกันชีวิตควบการลงทุน (Unit-Linked)
โดยกรมธรรม์ประกันชีวิตควบการลงทุนนั้น ส่วนของเบี้ยประกันที่จะนำมาลดหย่อนภาษีได้มีเพียง 2 ส่วน คือ
- ค่าการประกันภัย
- ค่าธรรมเนียมการบริหารกรมธรรม์
- ประกันบำนาญ เป็นประกันแบบที่ให้ความคุ้มครองในรูปแบบการการันตีรายได้หลังเกษียณ โดยจะมีกำหนดให้จ่ายเบี้ยประกันต่อเนื่องไปจนกว่าจะเริ่มรับเงินบำนาญ (อย่างน้อยสุดเมื่ออายุ 55 ปี) แล้วจะการันตีเงินเกษียณเป็นงวดรายปีไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะครบสัญญา
- ประกันสุขภาพ ซึ่งเป็นประกันในส่วนที่ให้ความคุ้มครองสุขภาพ ทั้งกรณีเจ็บป่วยด้วยโรคภัยต่าง ๆ และด้วยอุบัติเหตุ เฉพาะในส่วนที่ให้ความคุ้มครองในกรณีต่อไปนี้เท่านั้น
- ส่วนที่เกี่ยวกับการรักษาพยาบาลอันเกิดจากการเจ็บปวดและการบาดเจ็บ การชดเชยการทุพพลภาพและการสูญเสียอวัยวะเนื่องจากการเจ็บป่วยหรือบาดเจ็บ
- ประกันอุบัติเหตุ เฉพาะที่ให้ความคุ้มครองเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล การทุพพลภาพ การสูญเสียอวัยวะและการแตกหักของกระดูก
- ประกันภัยโรคร้ายแรง (Critical Illnesses)
- ประกันภัยการดูแลระยะยาว (Long-Term Care)